
ขณะที่ทางด้าน ''จา'' ก็ไปปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยการไปให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านรายการโทรทัศน์ ไปนั่งสมาธิเพียงต้องการเรียกสติกลับมา และกล่าวสวนทางกับการแถลงข่าวของ ''เสี่ยเจียง'' ทุกประการ และยืนยันว่าตนไม่ได้ใช้เงินถ่ายหนังเรื่อง ''องค์บาก 2'' เกินงบ ต่อมาทางพระเอกผกก.นักบู๊ได้ส่งทนายเป็นตัวแทนเข้ายื่นข้อเสนอ 7 ข้อต่อ ''เสี่ยเจียง'' หนึ่งในจำนวนนั้นคือขอเงิน 55 ล้านบาท ใช้ในการทำหนังต่อ ขอแบ่งรายได้จากหนัง ''องค์บาก 2'' 20 ล้าน และขอยกเลิกสัญญาที่เซ็นไว้กับสหมงคลฟิล์มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 แต่ทาง ''เสี่ยเจียง'' ไม่ตอบรับข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมกับยืนยันว่า ''จา'' ต้องเข้ามาเจรจากับบริษัทด้วยตัวเองเท่านั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลา 14.00 น. ที่ชั้น 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพนม ยีรัมย์ หรือ จา พนม พระเอกผู้กำกับฯนักบู๊ชื่อดัง พร้อมด้วยนายจารุพล ธีระเดช ทนายความส่วนตัว นายทองดี และนางริน ยีรัมย์ พ่อและแม่ ''จา'' พร้อมทั้งญาติรวม 9 คน ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป 3) เพื่อปรึกษาและขอความช่วยเหลือหลังเกิดข่าวฉาวกับต้นสังกัด บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล กรณีที่หายตัวไปขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก 2 โดยอ้างว่าถูกชายชุดซาฟารีติดตาม และมีโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ โทร.มาหา และมีบุคคลนิรนามโทร.นัดให้ไปพูดคุยกัน
ทั้งนี้ ''จา'' ซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนคไทสีเหลือง กางเกงสแลกสีดำ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่เดินทางมาเข้าพบ พล.ต.อ.จงรัก เพราะต้องการมาปรึกษาเรื่องความปลอดภัย หลังมีปัญหาสัญญากับทางค่ายสหมงคลฟิล์ม และปัญหาที่ครอบครัวต้องไปแจ้งความ โดยเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้น จึงไม่รู้สึกสบายใจ โดยพระเอกผกก.นักบู๊ยืนยันว่า ตนไม่ได้ถูกขู่ฆ่าแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าอีกหรือไม่
''เรื่องที่ครอบครัวไปแจ้งความกับตำรวจ ก็เกรงว่าจะทำให้ทางค่ายเข้าใจผิด และสร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่ จนอาจเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งคิดว่าอีกสัปดาห์จะไปหาครอบครัวเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น'' จา พนม กล่าว
สำหรับเรื่องความขัดแย้งกับ บริษัท สหมงคลฟิล์ม ต้นสังกัด จา พนม ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับ ''จา'' ในเบื้องต้นเป็นเรื่องที่ ''จา'' เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเอง ซึ่ง เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง ที่ต้องให้ความคุ้มครอง หากทางด้าน ''จา'' ร้องขอมา และหากพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลหรือมีการกระทำละเมิดกฎหมายแต่ในเรื่องของสัญญาที่จาเซ็นไว้กับต้นสังกัด ต้องไปคุยกันเอง และจากนี้คงต้องมีการสอบถามเรื่องที่ถูกข่มขู่อย่างละเอียดก่อน ส่วนจะมีการส่งตำรวจไปดูแล ''จา'' หรือไม่ คงต้องถามความต้องการจากเจ้าตัวก่อน
ต่อมาเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ''เสี่ยเจียง'' ซึ่งเดิมได้แจ้งไว้ว่า จะออกมาแถลงข่าวชี้แจงถึงกรณีต่างๆ อีกครั้ง พร้อมด้วย ''หนึ่ง'' อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ ลูกชาย ''เสี่ยเจียง'', ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร และ ผู้ที่ดูแลหนังเรื่ององค์บาก 2 ในทุกส่วน เวลา 16.30 น. ที่เฮาส์อาร์ซีเอ ได้เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพบกับ ''จา'' โดยที่พระเอกผกก.หนังบู๊ไม่รู้ล่วงหน้าว่า ทาง ''เสี่ยเจียง'' จะเดินทางมา
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อเดินทางมาถึง พร้อมด้วย ''หนึ่ง-อัครพล'' ลูกชาย และ ทนายความส่วนตัว ''เสี่ยเจียง'' ได้ ให้สัมภาษณ์กับบรรดาสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า
''ก็ดีใจที่ได้เจอจา เพราะก่อนหน้านี้ทั้งคู่ เราไม่ได้พบหน้ากันมา 1 เดือนเต็มแล้ว''
หลังจากนั้น พล.ต.อ.จงรัก ก็ได้ถามทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะให้สัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อมวลชนเพื่อให้เป็นพยานเลยหรือไม่เสี่ยเจียงที่มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวว่า
''ตนเองนั้นไม่มีปัญหายังไงก็ได้''
ผิดกับทางด้าน ''จา'' ที่มีสีหน้าหมองคล้ำ และมีท่าทีวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด กล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มว่า
''ขอคุยกันเป็นส่วนตัวก่อนแล้วจะออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง''
ซึ่งหลังจากนั้นทั้งหมดก็ได้ย้ายไปคุยกันเป็นการส่วนตัว ที่ห้องพักของรองผู้บัญชาการตำตรวจแห่งชาติ จนกระทั่ง เวลา 16.30 น. ทั้งหมดได้เปิดโต๊ะให้บรรดาสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวตั้งแต่เที่ยงให้สัมภาษณ์กันพอหอมปากหอมคอ
โดยเสี่ยเจียงเป็นฝ่ายชี้แจงก่อนว่า จากการพูดคุยกับฝ่ายของจาได้ข้อสรุปว่า จะดำเนินการถ่ายหนังเรื่ององค์บาก 2 ต่อโดยจะเริ่มถ่ายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้อีกครั้ง เพื่อให้อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเสร็จ
''สัญญาเก่าพับทิ้งยอมให้จามาถ่าย 20% ที่เหลือให้เสร็จก่อน จบแล้วเราจะทำยังไงต่อให้มาคุยต่อหน้าพี่จงรัก แค่นั้นแฟร์ๆ ไม่มีอะไร'' เสี่ยงเจียงกล่าว
ในส่วนของเงินที่จะนำเข้าไปเพิ่มในการถ่ายนั้น ''เสี่ยงเจียง'' กล่าวว่า เวลานี้ทาง สหมงคลฯ ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะต้องเพิ่มเข้าไปอีกจำนวนเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามต้องทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาอย่างมีคุณภาพ
''ให้งบประมาณยังไม่จำกัดจำนวนเท่าไหร่ก็ต้องใช้เพราะหนังจะจบแล้ว บริษัทต้องทำออกมาให้ดีให้ได้ บริษัทไม่เคยสร้างหนังออกมาไม่ดี แต่ขอให้ถ่ายให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกันอีกครั้งซึ่งเมื่อถ่ายเสร็จและออกฉาย จา พนม จะได้เงินจากตรงนี้เพียง 20เปอร์เซ็นต์หลังจากหักจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว'' เสี่ยเจียงกล่าว
ทั้งนี้ ''เสี่ยเจียง'' กล่าวด้วยว่า สำหรับการถ่ายทำหนังองค์บาก 2 อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนี้ จะให้จามาเบิกเงินสดที่สหมงคลฯ ด้วยตนเอง จะได้มีการับรู้ว่าเงินถูกเบิกออกไปจำนวนเท่าไหร่ จะไม่จ่ายผ่านบัญชีของจาเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
''การให้เงินเพิ่มในแต่ละครั้งนั้นจะให้จามาเบิกเงินสดที่สหมงคลฯเองเพราะจะได้เห็นว่าเงินให้ไปเท่าไหร่ ถ้ายังโอนเข้าบัญชีแบบเดิมอยู่เงินคงไม่ถึงจาอย่างแน่นอน ซึ่งเสี่ยพูดพาดพิงถึงในเรื่องเงินที่หายว่าอาจจะหายเข้าไปในกระเป๋าพ่อจา บ้านจา หรือเอาไปซื้อตึก ที่เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับการทำหนังแต่อย่างใด ต่อไปมีความจำเป็นแค่ไหนค่อยมาเบิก บริษัทจะไม่ส่งเงินให้พ่อเขา ให้ค่าบ้านหรือค่าอะไรอีกแล้ว นอกจากเขาเดินเข้ามาเบิกเอง มาเบิกเป็นเงินสดให้เขาไปจ่ายเอง ไม่งั้นเวลาผมส่งเงินไปเขามีความรู้สึกไม่ได้รับเงินเพราะเงินไปถึงที่บ้านเขาแต่ในบัญชีพ่อเขา ในบัญชีบ้านเขาบ้าง เรื่องส่วนตัวที่เขาทำ เช่นซื้อตึก มันเป็นของที่เขาพอใจ ไม่ใช่อยู่ๆ เราอยากไปส่งไปเสือกให้อย่างนั้น ส่งเงินให้เขาต้องอยู่ที่เขาสั่ง แล้วบริษัทเห็นว่าควรช่วยเขาก็ช่วย'' เสี่ยเจียงกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกของจาหลังได้เคลียร์กับเสี่ยเจียงครั้งแรกในรอบ 1 เดือน ว่ารู้สึกอย่างไร จาตอบคำถามด้วยคำพูดเรียบๆ ราวกับสงวนคำพูดคำต่อสื่อมวลชนที่มาคอยอย่างใจจดใจจ่อมากว่าครึ่งวันว่า เวลานี้รู้สึกสบายใจแต่ยังไม่สามารถรับปากได้ว่า หนังองค์บาก 2 จะถ่ายทำเสร็จเมื่อไหร่
''สบายใจครับ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่หนังอีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะถ่ายเสร็จเมื่อไหร่ยังให้คำตอบไม่ได้ครับ'' จากล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถาม ''เสี่ยเจียง'' ว่า ทำไมไม่คุยกับจาให้จบก่อนหน้านี้ ด้านเสี่ยเจียง กล่าวกลับมาด้วยคำพูดที่ค่อนข้างจริงจังว่า ''ก็เขาไม่อยากคุยแล้วกูจะคุยยังไง'' เสี่ยเจียงกล่าว
ด้านจาเมื่อผู้สื่อข่าวถามจี้ว่า จะยังเป็นนักแสดงของสหมงคลฟิล์มฯ อยู่หรือไม่ ก็มีท่าทีซีเรียสมากขึ้น แต่ยังพยามฝืนยิ้มอย่างสบายใจ แต่ไม่ทันที่จาได้ตอบบคำถามนี้ ''เสี่ยเจียง'' แทรกขึ้นมาทันทีว่า
''ยังเป็นนักแสดงอยู่จะทำเรื่องต่อไปก็ได้ ไม่ทำต่อไปก็ได้ บริษัทก็จ่ายเงินทุกเดือนให้'' เสี่ยเจียงกล่าว
ผู้สื่อข่าวยังจี้ถามย้ำจาอีกครั้งว่าจะอยู่สหมงคลฟิล์มฯ ต่อไปหรือไม่ จากลับเงียบไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น มีแต่ทนายความส่วนตัวกล่าวขึ้นมาว่า
''จบเรื่องนี้จะมาพูดกันอีกรอบนึงครับ''
ต่อข้อซัถามว่า การที่เดินทางมาพูดคุยกันต่อหน้า พล.ต.อ.จงรัก ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะไม่มีการไปคุยกันแบบ 2 พ่อลูกแล้วใช่หรือไม่ ด้าน ''เสี่ยเจียง'' กล่าวว่า
''ใช่ เพื่อให้เขาสบายใจในความปลอดภัย อย่างน้อยตำตรวจไทยเชื่อถือได้''
ต่อข้อซักถามว่าวันนี้บอกอะไรกับจาบ้าง ''เสี่ยเจียง'' กล่าวว่า
''ก็บอกให้เขาไปทำหนังเถอะดีๆ เหลืออีกนิดเดียวทำให้จบ ที่ผ่านมาคงเป็นความเข้าใจผิดกันเพราะทางเรายืนยันว่าไม่ได้คิดจะไปทำอะไรเพราะสร้างหนังกันมาตั้ง 3 เรื่องก็ถ้าฝ่ายนี้อาจจะไม่สบายใจหรืออาจจะมีมือที่ 3 ยังไงก็แล้วแต่ แต่ขณะนี้ตกลงกันได้แล้วก็จะให้งานมันเดินหน้าต่อไป'' เสี่ยเจียงกล่าว
ผู้สื่อรายงานว่า เมื่อจบการสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแล้ว ทางเสี่ยเจียง และจา ลุกขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณ พล.ต.อ.จงรัก ที่เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหาจนจบลงด้วยดี จากนั้น ''เสี่ยเจียง'' และ ''จา'' ได้จับมือกันต่อหน้า พล.ต.อ.จงรัก และสื่อมวลชน จากนั้นเสี่ยเจียง และจาก็เดินไปเข้าลิฟต์ลงจากชั้น 3 พร้อมกัน และแยกย้ายกันกลับออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเสี่ยเจียงได้เดินทางไปแถลงข่าวต่อที่เฮาส์ อาร์ซีเอ ตามที่กำหนดไว้