Money Tool

แดงดุจเพลิงเผาผลาญ Miss Vietnam 2008

การประกวดสาวงามระดับชาติในเวียดนามเริ่มคึกคักในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากถูกเวที Miss Universe 2008 ที่ประเทศได้เป็นเจ้าภาพบดบังมาตลอด จนทำให้มีข่าวออกมาทางสื่อหลักเพียงน้อยนิด ทั้งๆ ที่เนื้อหากำลังพัฒนาไปอย่างมากมาย มิสเวียดนามคนใหม่จะต้องเป็นหญิงสาวที่ "สวยอย่างมีเกียรติ สวยอย่างรับผิดชอบ" เวที Miss Vietnam 2008 คึกคักขึ้นมาทันทีในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ที่เมืองโฮยอาน จ.กว๋างนาม (Quang Nam) สาวงามกว่า 30 คนออกอวดโฉมในทูพีซสีแดงเพลิง ทำให้บรรยากาศที่หาดไชน่าบีช เมืองโฮยอาน (Hoi An) "ร้อนระอุ จนเม็ดกรวดเม็ดทรายแทบหลอมละลายหายวับ" นั่นคืออารมณ์ความรู้สึกของเว็บยอดนิยมซเวินจี๋ออนไลน์ (Dan Tri Online) ซึ่งติดตามการประกวดความสวยความงามไปฝากผู้อ่านที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปัญญาชนและคนทำงาน อย่างต่อเนื่อง ไม่ต่างกับในตัวเมืองที่นักท่องเที่ยวหนาตาอย่างผิดสังเกต สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามที่มีเรทติ้งสูงสุดกล่าว หนังสือพิมพ์เตี่ยนฟงซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของเวที Miss Vietnam มาตั้งแต่ปี 2531 กล่าวว่า มิสเวียดนามปีนี้จะทำหน้าที่เป็น "ขวัญใจคนจนคนด้อยโอกาส" ในสังคม

มิสเวียดนามปีนี้เต็มไปด้วยสาวสวยหน้าใหม่ๆ จากทั่วประเทศ มีสาวหน้าเก่าจากการประกวด Miss Vietnam World ปีที่แล้วเพียงคนเดียวคือ หวอถิเหละทู (Vo Thi Le Thu) ซึ่งคราวนั้นเธอไปไม่ถึงกระทั่งรอบรองสุดท้าย ปีนี้อายุ 24 เหละทูฮึดสู้อีกครั้งหลังจากเมื่อต้นปีนี้ได้เป็นเทพีเจ้าของตำแหน่ง “มิสกู๋ลอง” (Miss Cuu Long) นั่นคือตำแหน่ง “ธิดาแห่งลุ่มแม่น้ำโขง” ตามชื่อที่เรียกขานกันในภาคใต้เวียดนาม ซึ่งจัดให้มีการประกวดสุดยอดแห่งสาวงามจากหลายจังหวัดในแถบนั้นเป็นประจำทุกปี นอกจากนั้นก็ยังมีเทพีระดับจังหวัดกับระดับรอง เข้าร่วมประชันกันอีกครั้งในเวทีระดับชาติปีนี้ ค่าเหนื่อยของ Miss Vietnam 2008 จะเป็นเงินสดกว่า 9,000 ดอลลาร์ กับทัวร์ต่างประเทศ และรางวัลอื่นๆ อีกมากมายจากสปอนเซอร์หลัก แต่เจ้าของรางวัลจะเหนื่อยเอามากๆ ตลอด 2 ปีข้างหน้า ในการปฏิบัติหน้าที่ "ขวัญใจคนจนและคนด้อยโอกาส"

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์







"เป้ย" โต้ ภาพสาวโชว์สยิวในห้องน้ำไม่ใช่ตน บอกนมใหญ่กว่า


"เป้ย" ปัดภาพโชว์สยิวในห้องน้ำไม่ใช่ตน ยันสาวในรูปตู้มกว่าและสวยกว่าตนมาก บอกไม่ฟ้องร้องเชื่อมือโพสต์ตกนรกชัวร์ วอนคนดูใช้วิจารณญาณ เผยไม่เชื่อหมอดูคนดังทักรีเทิร์น "บุศย์" แฟนเก่า เลิก "อาร์" แจงทุกวันนี้สัมพันธ์ยังดีแม้ไม่สวีตเหมือนเคยเหตุหมดช่วงโปรโมรชั่น พร้อมยันแฟนหนุ่มไม่ใช่คนซาดิสม์แค่มือหนัก

ถูกสวมรอยใช้ชื่อนางร้ายสุดเซ็กซี่ "เป้ย ปานวาด เหมมณี" แก้ผ้าล่อนจ้อนพร้อมกำลังโชว์เสียวโพสท่าสุดสยิวอยู่ในห้องน้ำแพร่หราอยู่บนโลกไซเบอร์ ซึ่งทำการฟอร์เวิร์ดเมล์กันแบบมันมือ งานนี้พอเจอตัวสาว "เป้ย" สอบถามว่าได้เห็นภาพดังกล่าวแล้วหรือยัง เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราก่อนมีคนรูปสยิวมาให้ดู ซึ่งเมื่อเห็นภาพสาว "เป้ย" ถึงกับร้องเสียงหลงยันรูปดังกล่าวไม่ใช่ตนแถมหน้าอกไซค์บิ๊กกว่าอีก


"อุ้ย เซ็กซี่กว่าเป้ยอีก เอ็กซ์มากเลยค่ะ นมใหญ่มากเลยนะ เขาสวยกว่าเป้ยอีก ไม่เหมือนเลยค่ะ เขาสวยจังสวยมากหน้าอกก็สวย ก็คล้ายๆ นิดนึงแต่ก็ไม่ใช่ ก็รู้อยู่แล้วเป็นบางมุมเท่านั้นเองไม่เป็นไร จะจัดการอะไรยังไงไหมมีหลายคนเลยนะที่โดนแบบเป้ยแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ตรงนี้ได้แต่ทำใจ เป้ยไม่ได้ซีเรียสอะไร คิดว่าคนอื่นเขารู้จักฉลาดคิดอีกอย่างดูก็รู้ว่าไม่ใช่เป้ยแน่นอน เราเป็นอาชีพนักแสดงอยู่แล้วเราไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเราเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปไปทำอย่างนั้นมันจะโจ่งแจ้งเกินไปเปิดเผยไปหรือเปล่า ก็น่าจะรู้ว่าของปลอมคนอื่นเขาน่าจะเข้าใจ อยากให้ใช้วิจารณญาณนิดนึงว่าไม่ใช่ ไม่ได้ทำอยู่แล้วค่ะมันก็เหมือนแค่หน้าตานิดนึง"

เผยไม่ต้องการฟ้องร้องฐานทำเสียชื่อเสียง เชื่อมือโพสต์ได้รับกรรมตกนรกแน่นอน

" ไม่ค่ะ เราไม่ถือสาคนแบบนี้ถ้าเอาเป็นอารมณ์เอาเรื่องไม่ดีมาคิดมากก็จะเป็นผลที่ไม่ดีกับตัวเราก็จะคิดมากไปเองคนที่ทุกข์ก็จะเป็นเรา ฉะนั้นเราก็ไม่สนใจดีกว่า อยากฝากบอกว่าถ้าคุณมีปัญญามานั่งโพสต์ข้อความในอินเทอร์เนตก็ถือว่าคุณค่อนข้างมีความสามารถ เอาความสามารถตรงนี้ไปทำให้เกิดประโยชน์มากกว่านี้ดีกว่า สิ่งที่คุณทำกับฝ่ายตรงข้างก็ต้องคิดไม่ดีกับคุณอยู่แล้ว ผลของกรรมคือตกนรกอยู่แล้วเพราะทำคนอื่นแบบนี้"


ต่อข้อถามถึงหมอ "กฤษณ์ คอนเฟิร์ม" ออกมาทำนายดวงชะตาว่าสาว "เป้ย" จะรีเทิร์นกับคนรักเก่ารวมทั้งมีเกณฑ์เลิกรากับแฟนหนุ่ม "อาร์ อาณัตพล" แฟนหนุ่มคนปัจจุบัน เรื่องนี้เจ้าตัวบอกไม่เชื่อเรื่องดวง ด้านความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มรับแม้ไม่เหลือความหวานแต่ยังรักกันดีอยู่

"พี่บุศย์ก็โอเคอยู่นะสบายดีอยู่นะ พี่บุศย์มีแฟนใหม่เรียบร้อยแล้วได้ข่าวว่ากิ๊กๆ กั๊กๆ กับเด็กๆ ถึงเลิกกับอาร์ก็เป็นเพื่อนกันได้ ทุกวันนี้เหมือนกับเป็นเพื่อนกันแล้ว ความสัมพันธ์มันเป็นแบบนั้นไปแล้วถ้าเกิดต้องเลิกกันก็มาเป็นเพื่อนก็ได้ ก็ถือว่าเขาคอนเฟิร์มเผื่อแล้วกันแต่นี่ยังไม่ได้เลิกค่ะ เชื่อคำทำนายไหมไม่เชื่อขึ้นอยู่กับตัวเรา ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ยังดีอยู่มันจะเอาคำคอนเฟิร์มมาจากไหนเป็นไปไม่ได้"

"ตอนนี้หมดช่วงโปรโมชั่น หมดช่วงสวีตแล้วด้วยแหละเหมือนนิ่งๆ ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่ได้เบื่อค่ะเรื่อยๆ ต่างคนต่างทำงานไม่ค่อยเจอกันเท่าไร อาร์ไม่เจ้าชู้นะแต่ไม่รู้เหมือนกันทำไมมีข่าวออกมาได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาอยากอยู่กับเพื่อนนะก็ต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง มีงอนกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ใช่โกรธกับเหมือนที่ผ่านมา"


Image Gallery
ยันแฟนหนุ่มไม่ใช่คนซาดิสม์เหมือนที่ถูกเม้าท์แต่มักเผลอมือหนักฝากรอยช้ำไว้ที่ตัวสาว "เป้ย" เสมอ
"ไม่ๆ อาร์เขาเป็นนักกีฬาชอบออกกำลังกายเท่านั้นเองเวลาทำอะไรเขาจะมือหนักคนคิดว่า เออ..เราเป็นผู้ชายด้วยไหม ไม่มีอะไรรุนแรงนะ บางทีเขาจับหัวมือหนักมาก มือใหญ่มาก ก็เหมือนตบหัวเราแค่นั้นเองไม่ได้ตั้งใจหรือซาดิสก์อะไรขนาดนั้น บางทีเขาจับตัวเราจะคิดว่าเราเนื้อแข็งแบบผู้ชายเหมือนเพื่อนๆ เขาแต่ไม่ใช่ มีเขียวบ้างเขาซุ่มซ่ามเผลอมาศอกเรา เอาหมวกมาชนเราก็มีเจ็บตัวบ้างเป็นบ้างครั้งบางคราว"

ที่มา : manager.co.th

เกาหลีสั่งกระชากมงกุฎรองนางงาม คิมฮีคยอง หลังรูปสยิวร่อนทั่วเน็ต!

เวทีประกวดขาอ่อนของเกาหลีใต้ปีนี้มีแต่เรื่องจริงๆ และที่ฉาวกว่าทุกปีได้แก่รองนางงามของปีนี้ที่ถูกยึดตำแหน่งไปเรียบร้อย หลังจากแฟนคลับที่จำเธอได้จากผลงานภาพสุดสยิวก่อนขึ้นเวทีประกวดได้นำผลงานของเธอมาโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต จนคณะกรรมการที่เพิ่งไหวตัวทันสั่งริบตำแหน่งของเธอเป็นที่เรียบร้อย

การประกวดนางงามประจำปีของเกาหลีใต้ครั้งที่ 52 ที่จัดไปเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อผู้ชนะในปีนี้อย่าง นารี ผู้เข้าประกวดวัย 22 ที่คว้าตำแหน่งไปครองแบบค้านสายตาหลายๆ คน

แต่ที่ฉาวจนทำให้เวทีประกวดร้อนไปเลยได้แก่ผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบ 7 คนสุดท้ายอย่างสาว คิมฮีคยอง นางงามวัย 23 จากมหาวิทยาลัย Hanzhong University ที่ล่าสุดถูกคณะกรรมการกองประกวดริบมงกุฎและตำแหน่งไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากมีการนำภาพนู๊ดและภาพชุดชั้นในสุดสยิวที่สาวผู้นี้ถ่ายเอาไว้ก่อนเข้าประกวดออกมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต หลังจากที่ชื่อของเธอโด่งดังจากการเข้าประกวดครั้งนี้

ซึ่งตัวคิมฮีคยองที่เข้ามาสู่รอบ 7 คนสุดท้ายในครั้งนี้ และพ่วง
รางวัล Miss Korea-Hankook Ilbo ไปครองอีกตำแหน่งด้วย ก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการยึดตำแหน่งครั้งนี้ เพราะเธออ้างว่าทางคณะกรรมการรู้เห็นเรื่องภาพดังกล่าวอยู่แล้ว และอนุญาตให้เธอทำการประกวดต่อไปได้

Image Gallery
ที่มา : manager.co.th

ดาราสาวยุ่น คิมิกะ โยชิโนะหันมาเล่น AV เอาเมื่อ 32


เห็นมีแต่ดาวโป๊อยากจะขึ้นมาบนดิน แต่ที่ญี่ปุ่นกลับมีดาราที่มีผลงานทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ตัดสินใจมาเล่นหนังอย่างว่าครั้งแรกเอาเมื่ออายุ 32 นี่เอง

คิมิกะ โยชิโนะ นางแบบชุดว่ายน้ำและนักแสดงหญิงที่มีผลงานการแสดงมากมายทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ กำลังจะผันตัวมาเล่นหนังใต้ดินซะแล้ว เมื่อทางนิตยสาร Friday แจ้งว่าเธอได้กลายเป็นนางแบบของค่ายหนังเอวีหน้าใหม่ MUTEKI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแหล่งเผยว่าเธอได้ค่าตัวในการนอนเปลื้องผ้าครั้งนี้ไปกว่า 20-25 ล้านเยนทีเดียว

ซึ่งค่ายหนังที่มีจุดเด่นในการดึงนางแบบชื่อดัง และฉากอย่างว่าที่เน้นความสมจริง ไร้การชี้นำของผู้กำกับ เพิ่งจะประกาศตัวนางแบบคนแรกของค่ายอย่าง มิโอะ ซาเอกูซะ วัย 30 ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยผลงานของนางแบบหุ่นอึ๋มรายนี้จะวางจำหน่ายในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ส่วนเบอร์สองของบริษัทอย่างโยชิโนะจะวางจำหน่ายผลงานสุดสยิวครั้งแรกของเธอในวันที่ 1 พ.ย.นี้


โยชิโนะ เคยเปิดตัวในฐานะนางแบบชุดว่ายน้ำครั้งแรกเมื่อปี 1994 ในงาน Toyobo Swimwear Campaign Girl ก่อนที่จะเข้าฉากเปลื้องท่อนบนครั้งแรกในหนังเรื่อง ACRI เมื่อปี 1996 หลังจากนั้นเธอก็มีผลงานบนดินในวงการมากมายทั้งจอแก้วและจอเงิน โดยผลงานล่าสุดของเธอได้แก่บทในละครเรื่อง Chacha: Tengai no Onna ที่ออกฉายเมื่อปีที่แล้ว

ที่มา : manager.co.th

ภาพหลุด “เดียร์” เอเอฟ 5 รับถ่ายเอง บอกเสียใจทำแม่ร้องไห้


“เดียร์” เอเอฟ 5 รับแล้วถ่ายภาพเซ็กซี่เองจริงในมือถือ แต่เพื่อนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นำลงโพสต์ใน hi5 บอกได้คุยกับแม่แล้ว เจ้าตัวบอกเสียใจทำแม่เครียดถึงขั้นหลั่งน้ำตาก่อนวันแม่

จบซีซันที่ 5 ไปเมื่อเสาร์ที่แล้ว ก็เกิดกระแสข่าวให้ได้ติดตามกันอีกรอบแล้วสำหรับเหล่าบรรดานักล่าฝัน เอเอฟ 5 แม้ว่าไม่ได้เข้ารอบ 12 คน สุดท้าย แต่ก็ติด 1 ใน 16 ของเอเอฟปีนี้สำหรับ “เดียร์ V11” หรือนางสาว “กุลกนิษฐ์ สุภเพชร” ก็นำภาพส่วนตัวแนวเซ็กซี่ท่อนบนเห็นหน้าอกตู้มต้าม และถ่ายภาพกับทอมหราเน็ตทีเดียว โดยภาพดังกล่าวหลุดมาจาก hi5 ของนักล่าฝันสาวที่เพื่อนสนิททำให้ แต่ขณะนี้ได้ปิดโปรไฟล์ดังกล่าวไปแล้ว โดยใช้ชื่อว่า "♥e→°dEar•aF5 °‹‹ Ž ← " และกำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการวางตัวไม่เหมาะสม


ติดต่อไปยังนักล่าฝันสาว เจ้าตัวยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากติดภารกิจกิจกรรมวันแม่ของทางมหาวิทยาลัย จึงติดต่อสอบถามไปยังแม่ของนักล่าฝัน “อัจฉรา สุภเพชร” ซึ่งรับราชการครูอยู่ที่ จ.สิงห์บุรี แม่เผยยังไม่เห็นภาพ แต่ญาติโทรมาบอกแล้วเรื่องข่าวดังกล่าว ยอมรับเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่เชื่อลูกสาวจะกล้าถ่ายภาพแบบนั้น

“น้องเดียร์มันไม่น่าเป็นอย่างนั้นนะ ตอนนี้น้องร้องเพลงอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั่นแหละ เขาจัดวันแม่ แม่ยังไม่เห็นรูปเลย แม่ไม่มีเวลาดูเลยยุ่งอยู่ที่โรงเรียน ไม่เชื่อว่า เดียร์จะเล่นอะไรแบบนั้น ไม่ใช่เป็นเด็กแบบนั้น”

“แม่ไม่เชื่อ และคิดว่าไม่ใช่เดียร์ แล้วก็ไม่ได้มีแฟนเป็นทอมนะ มีเพื่อนที่ชื่อมิวจริง เป็นทอม คือเพื่อนสนิท ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเป็นเดียร์ แล้วมันจะหลุดออกมาได้อย่างไร ดูแล้วไม่เชื่อหรอกว่าลูกเราบ้าๆบอๆไปทางนั้นน่ะ เดียร์จะทำแบบนั้นหรือ”


“แม่เครียดเนี่ยบอกตรงๆ เลยเดี๋ยวไว้คุยกับน้องอีกทีว่าอย่างไรรอถามเขาก่อน..แย่แล้วสุขภาพแม่ก็ไม่ค่อยดีด้วย ไม่อยากเชื่อเลยภาพก็ออกไปแล้วอาๆเขาก็โทรมาแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่ามันแกล้งกันได้มั้ย เดี๋ยวแม่ต้องคุยกับเขาอีกที”

อย่างไรก็ตาม จากภาพดังกล่าวทำให้เกิดข้อวิจารณ์ในเว็บไซต์แสดงความคิดเห็นทั่วไปว่า อาจมาจากการโพสต์เองของนักล่าฝัน และวิพากษ์วิจารณ์ถึงอาจเป็นการโปรโมตตัวเองหรือไม่ หลังแม่นนักล่าฝันสาวให้สัมภาษณ์ได้ไม่นาน สาวเดียร์ก็รับสายและให้สัมภาษณ์ถึงภาพหวือของตนว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพของตนเองจริง และเสียใจที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้ก่อนวันแม่ เผยไม่ใช่ hi5 ที่ทำขึ้นเอง แต่เป็นของเพื่อนสนิทที่ทำให้แล้วนำภาพลงไปโพสต์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งภาพดังกล่าวส่งต่อมาจากโทรศัพท์


“เพื่อนเขาก็นึกสนุกวัยรุ่นไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต เขาไม่ได้นึกว่าเราเป็นเอเอฟแล้วจะกระทบขนาดนี้ คือ hi5 นี้ไม่ใช่ของเดียร์นะคะ เพราะเดียร์ทำไม่เป็น เขาทำขึ้นมาให้เราประมาณนั้น แต่เดียร์ไม่คิดว่าเขาจะเอาภาพขนาดนี้มาลง คือ จริงๆ แล้ว”

“คือ เดียร์ก็คิดประมาณว่าไม่ได้คิดว่าเขาจะเอาภาพมาลงขนาดนี้ ภาพเป็นภาพที่ต้องสนิทมาก เป็นเพื่อนสนิท อย่างเวลาเจอกันบางทีเขาก็มาขอบลูทูธ ขอดูภาพ เดียร์ก็แฟร์ๆเพื่อนกันมันชอบบลูธูธแหย่กันไปมา เดียร์ก็ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนจะเอาภาพนี้ไป ถ้าจะทำอะไรก็ระวังบ้างบอกเขาไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีภาพแบบนี้”

“ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน คือ เรามาอยู่จุดนี้ ห้ามข่าวมันก็คงจะไม่ได้ แม่เครียดมาก แม่ร้องไห้คือแบบจะพูดว่าอย่างไรดี เดียร์เข้าใจตรงนี้ เดียร์เครียดตรงที่ว่าและเราก็ไม่เหมือนคนปกติ หลายๆคนก็ถ่ายไม่ได้มองว่ามันผิด แต่เราไม่ใช่คนธรรมดา ก็รู้สึกแย่ค่ะ รู้สึกแย่มาก วันแม่ด้วย วันนี้ร้องเพลงได้ที่หนึ่งยังไม่ดีใจเลยค่ะ”

ยืนยันสาวห้าวในภาพแค่เพื่อนสนิท ไม่ได้คบกัน อีกทั้งไม่คิดว่าเพื่อนจะนำภาพมาลงถึงขนาดนี้ และตนได้ตำหนิไปแล้ว


“คือ เดียร์ก็คิดประมาณว่าไม่ได้คิดว่าเขาจะเอาภาพมาลงขนาดนี้ ภาพเป็นภาพที่ต้องสนิทมาก เป็นเพื่อนสนิท อย่างเวลาเจอกันบางทีเขาก็มาชอขอบลูทูธ ขอดูภาพ เดียร์ก็แฟร์ๆเพื่อนกันมันชอบบลูทูธแหย่กันไปมา เดียร์ก็ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนจะเอาภาพนี้ไป ถ้าจะทำอะไรก็ระวังบ้างบอกเขาไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีภาพแบบนี้”

“ความสัมพันธ์กับคนในภาพเป็นเพื่อนกันค่ะ คนในรูปคือคนที่ทำให้น่ะค่ะ ได้คุยแล้ว เขาก็จ๋อยเลย เพราะเขาก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขนาดนี้ คือวัยรุ่นก็ไปเที่ยวเฮฮา ไม่คิดว่าจะมากมาย เดียร์ก็เลยบอกว่ากูมึงเหมือนเดิมไม่ได้นะ แต่เรามาติดในเอเอฟด้วยไงคะ เลยเป็นเรื่อง"

"ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ดุค่ะ ก็ให้กำลังใจ บอกว่าพลาดมาแล้วก็พยายามอย่าให้เกิดอีก เดียร์ก็เสียความรู้สึก เสียใจกับเรื่องตรงนี้ที่เกิดขึ้นมากค่ะ"

สำหรับ "เดียร์" นั้น เป็นหนึ่งใน16 นักล่าฝันซีซั่นที่ 5 ที่มีเสียงร้องลูกทุ่งที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ตกรอบไปก่อนเพราะผลป็อบปูล่าร์โหวตน้อยจึงไม่ติดหนึ่งใน 12 คน "เดียร์ กุลกนิษฐ์ สุภเพชร" อายุ 19 ปี เป็นคนจ.สิงห์บุรี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง จงสมัครเข้ามาประกวดในเวทีเอเอฟปีที่ 5 แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาวร่วงไปในรอบ 16 คนสุดท้าย

ที่มา : manager

โผล่ประจันหน้า"เสี่ยเจียง" คืนดี "จา พนม"


พระเอกผกก.นักบู๊โผล่ สตช.ปรึกษา ''จงรัก'' เรื่องความปลอดภัย ภายหลังมีปัญหากับ ''สหมงคลฯ'' แล้วมีชายชุดซาฟารีสะกดรอยตาม พร้อมปรึกษาเรื่องสัญญาที่เซ็นกับต้นสังกัด ด้าน ''จงรัก'' พร้อมให้การคุ้มครอง ปัดยุ่งเรื่องสัญญา แนะให้ไปคุยกันเอาเองไม่เกี่ยวกับตร. ''เสี่ยเจียง'' เซอร์ไพรส์ ตามจาเข้าสตช. ทำเอา ''จา'' หน้าซีด ''จงรัก'' เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ได้บทสรุปลงตัว ''เสียเจียง-จา'' จับมือ ทำหนังองค์บาก 2 ต่อ เริ่มเดินเครื่องจันทร์นี้
ท่าทางไม่จบง่ายๆ สำหรับกรณีของพระเอกผู้กำกับฯ นักบู๊ ''จา'' พนม ยีรัมย์ หลังหายตัวไปจากกองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ''องค์บาก 2'' นานกว่า 3 เดือน ทำให้การถ่ายทำหนังฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ต้องสะดุด และต่อมาทาง ''เสี่ยเจียง'' สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ บิกบอสค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกมาแถลงข่าวว่า พระเอกผกก.นักบู๊ ได้ใช้งบประมาณในการสร้างหนัง และชี้แจงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการหายตัวไปของ ''จา'' แต่ไม่คิดติดใจเอาความ โดยบอกว่า ''จามันลูกกู'' และเรียกให้กลับมาคุยกัน เพื่อทำหนังต่อให้เสร็จ




ขณะที่ทางด้าน ''จา'' ก็ไปปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยการไปให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านรายการโทรทัศน์ ไปนั่งสมาธิเพียงต้องการเรียกสติกลับมา และกล่าวสวนทางกับการแถลงข่าวของ ''เสี่ยเจียง'' ทุกประการ และยืนยันว่าตนไม่ได้ใช้เงินถ่ายหนังเรื่อง ''องค์บาก 2'' เกินงบ ต่อมาทางพระเอกผกก.นักบู๊ได้ส่งทนายเป็นตัวแทนเข้ายื่นข้อเสนอ 7 ข้อต่อ ''เสี่ยเจียง'' หนึ่งในจำนวนนั้นคือขอเงิน 55 ล้านบาท ใช้ในการทำหนังต่อ ขอแบ่งรายได้จากหนัง ''องค์บาก 2'' 20 ล้าน และขอยกเลิกสัญญาที่เซ็นไว้กับสหมงคลฟิล์มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 แต่ทาง ''เสี่ยเจียง'' ไม่ตอบรับข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมกับยืนยันว่า ''จา'' ต้องเข้ามาเจรจากับบริษัทด้วยตัวเองเท่านั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลา 14.00 น. ที่ชั้น 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพนม ยีรัมย์ หรือ จา พนม พระเอกผู้กำกับฯนักบู๊ชื่อดัง พร้อมด้วยนายจารุพล ธีระเดช ทนายความส่วนตัว นายทองดี และนางริน ยีรัมย์ พ่อและแม่ ''จา'' พร้อมทั้งญาติรวม 9 คน ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป 3) เพื่อปรึกษาและขอความช่วยเหลือหลังเกิดข่าวฉาวกับต้นสังกัด บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล กรณีที่หายตัวไปขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก 2 โดยอ้างว่าถูกชายชุดซาฟารีติดตาม และมีโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ โทร.มาหา และมีบุคคลนิรนามโทร.นัดให้ไปพูดคุยกัน
ทั้งนี้ ''จา'' ซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนคไทสีเหลือง กางเกงสแลกสีดำ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่เดินทางมาเข้าพบ พล.ต.อ.จงรัก เพราะต้องการมาปรึกษาเรื่องความปลอดภัย หลังมีปัญหาสัญญากับทางค่ายสหมงคลฟิล์ม และปัญหาที่ครอบครัวต้องไปแจ้งความ โดยเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้น จึงไม่รู้สึกสบายใจ โดยพระเอกผกก.นักบู๊ยืนยันว่า ตนไม่ได้ถูกขู่ฆ่าแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าอีกหรือไม่
''เรื่องที่ครอบครัวไปแจ้งความกับตำรวจ ก็เกรงว่าจะทำให้ทางค่ายเข้าใจผิด และสร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่ จนอาจเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งคิดว่าอีกสัปดาห์จะไปหาครอบครัวเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น'' จา พนม กล่าว
สำหรับเรื่องความขัดแย้งกับ บริษัท สหมงคลฟิล์ม ต้นสังกัด จา พนม ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับ ''จา'' ในเบื้องต้นเป็นเรื่องที่ ''จา'' เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเอง ซึ่ง เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง ที่ต้องให้ความคุ้มครอง หากทางด้าน ''จา'' ร้องขอมา และหากพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลหรือมีการกระทำละเมิดกฎหมายแต่ในเรื่องของสัญญาที่จาเซ็นไว้กับต้นสังกัด ต้องไปคุยกันเอง และจากนี้คงต้องมีการสอบถามเรื่องที่ถูกข่มขู่อย่างละเอียดก่อน ส่วนจะมีการส่งตำรวจไปดูแล ''จา'' หรือไม่ คงต้องถามความต้องการจากเจ้าตัวก่อน
ต่อมาเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ''เสี่ยเจียง'' ซึ่งเดิมได้แจ้งไว้ว่า จะออกมาแถลงข่าวชี้แจงถึงกรณีต่างๆ อีกครั้ง พร้อมด้วย ''หนึ่ง'' อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ ลูกชาย ''เสี่ยเจียง'', ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร และ ผู้ที่ดูแลหนังเรื่ององค์บาก 2 ในทุกส่วน เวลา 16.30 น. ที่เฮาส์อาร์ซีเอ ได้เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพบกับ ''จา'' โดยที่พระเอกผกก.หนังบู๊ไม่รู้ล่วงหน้าว่า ทาง ''เสี่ยเจียง'' จะเดินทางมา
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อเดินทางมาถึง พร้อมด้วย ''หนึ่ง-อัครพล'' ลูกชาย และ ทนายความส่วนตัว ''เสี่ยเจียง'' ได้ ให้สัมภาษณ์กับบรรดาสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า
''ก็ดีใจที่ได้เจอจา เพราะก่อนหน้านี้ทั้งคู่ เราไม่ได้พบหน้ากันมา 1 เดือนเต็มแล้ว''
หลังจากนั้น พล.ต.อ.จงรัก ก็ได้ถามทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะให้สัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อมวลชนเพื่อให้เป็นพยานเลยหรือไม่เสี่ยเจียงที่มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวว่า
''ตนเองนั้นไม่มีปัญหายังไงก็ได้''
ผิดกับทางด้าน ''จา'' ที่มีสีหน้าหมองคล้ำ และมีท่าทีวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด กล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มว่า
''ขอคุยกันเป็นส่วนตัวก่อนแล้วจะออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง''
ซึ่งหลังจากนั้นทั้งหมดก็ได้ย้ายไปคุยกันเป็นการส่วนตัว ที่ห้องพักของรองผู้บัญชาการตำตรวจแห่งชาติ จนกระทั่ง เวลา 16.30 น. ทั้งหมดได้เปิดโต๊ะให้บรรดาสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวตั้งแต่เที่ยงให้สัมภาษณ์กันพอหอมปากหอมคอ
โดยเสี่ยเจียงเป็นฝ่ายชี้แจงก่อนว่า จากการพูดคุยกับฝ่ายของจาได้ข้อสรุปว่า จะดำเนินการถ่ายหนังเรื่ององค์บาก 2 ต่อโดยจะเริ่มถ่ายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้อีกครั้ง เพื่อให้อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเสร็จ
''สัญญาเก่าพับทิ้งยอมให้จามาถ่าย 20% ที่เหลือให้เสร็จก่อน จบแล้วเราจะทำยังไงต่อให้มาคุยต่อหน้าพี่จงรัก แค่นั้นแฟร์ๆ ไม่มีอะไร'' เสี่ยงเจียงกล่าว
ในส่วนของเงินที่จะนำเข้าไปเพิ่มในการถ่ายนั้น ''เสี่ยงเจียง'' กล่าวว่า เวลานี้ทาง สหมงคลฯ ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะต้องเพิ่มเข้าไปอีกจำนวนเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามต้องทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาอย่างมีคุณภาพ
''ให้งบประมาณยังไม่จำกัดจำนวนเท่าไหร่ก็ต้องใช้เพราะหนังจะจบแล้ว บริษัทต้องทำออกมาให้ดีให้ได้ บริษัทไม่เคยสร้างหนังออกมาไม่ดี แต่ขอให้ถ่ายให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกันอีกครั้งซึ่งเมื่อถ่ายเสร็จและออกฉาย จา พนม จะได้เงินจากตรงนี้เพียง 20เปอร์เซ็นต์หลังจากหักจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว'' เสี่ยเจียงกล่าว
ทั้งนี้ ''เสี่ยเจียง'' กล่าวด้วยว่า สำหรับการถ่ายทำหนังองค์บาก 2 อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนี้ จะให้จามาเบิกเงินสดที่สหมงคลฯ ด้วยตนเอง จะได้มีการับรู้ว่าเงินถูกเบิกออกไปจำนวนเท่าไหร่ จะไม่จ่ายผ่านบัญชีของจาเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
''การให้เงินเพิ่มในแต่ละครั้งนั้นจะให้จามาเบิกเงินสดที่สหมงคลฯเองเพราะจะได้เห็นว่าเงินให้ไปเท่าไหร่ ถ้ายังโอนเข้าบัญชีแบบเดิมอยู่เงินคงไม่ถึงจาอย่างแน่นอน ซึ่งเสี่ยพูดพาดพิงถึงในเรื่องเงินที่หายว่าอาจจะหายเข้าไปในกระเป๋าพ่อจา บ้านจา หรือเอาไปซื้อตึก ที่เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับการทำหนังแต่อย่างใด ต่อไปมีความจำเป็นแค่ไหนค่อยมาเบิก บริษัทจะไม่ส่งเงินให้พ่อเขา ให้ค่าบ้านหรือค่าอะไรอีกแล้ว นอกจากเขาเดินเข้ามาเบิกเอง มาเบิกเป็นเงินสดให้เขาไปจ่ายเอง ไม่งั้นเวลาผมส่งเงินไปเขามีความรู้สึกไม่ได้รับเงินเพราะเงินไปถึงที่บ้านเขาแต่ในบัญชีพ่อเขา ในบัญชีบ้านเขาบ้าง เรื่องส่วนตัวที่เขาทำ เช่นซื้อตึก มันเป็นของที่เขาพอใจ ไม่ใช่อยู่ๆ เราอยากไปส่งไปเสือกให้อย่างนั้น ส่งเงินให้เขาต้องอยู่ที่เขาสั่ง แล้วบริษัทเห็นว่าควรช่วยเขาก็ช่วย'' เสี่ยเจียงกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกของจาหลังได้เคลียร์กับเสี่ยเจียงครั้งแรกในรอบ 1 เดือน ว่ารู้สึกอย่างไร จาตอบคำถามด้วยคำพูดเรียบๆ ราวกับสงวนคำพูดคำต่อสื่อมวลชนที่มาคอยอย่างใจจดใจจ่อมากว่าครึ่งวันว่า เวลานี้รู้สึกสบายใจแต่ยังไม่สามารถรับปากได้ว่า หนังองค์บาก 2 จะถ่ายทำเสร็จเมื่อไหร่
''สบายใจครับ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่หนังอีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะถ่ายเสร็จเมื่อไหร่ยังให้คำตอบไม่ได้ครับ'' จากล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถาม ''เสี่ยเจียง'' ว่า ทำไมไม่คุยกับจาให้จบก่อนหน้านี้ ด้านเสี่ยเจียง กล่าวกลับมาด้วยคำพูดที่ค่อนข้างจริงจังว่า ''ก็เขาไม่อยากคุยแล้วกูจะคุยยังไง'' เสี่ยเจียงกล่าว
ด้านจาเมื่อผู้สื่อข่าวถามจี้ว่า จะยังเป็นนักแสดงของสหมงคลฟิล์มฯ อยู่หรือไม่ ก็มีท่าทีซีเรียสมากขึ้น แต่ยังพยามฝืนยิ้มอย่างสบายใจ แต่ไม่ทันที่จาได้ตอบบคำถามนี้ ''เสี่ยเจียง'' แทรกขึ้นมาทันทีว่า
''ยังเป็นนักแสดงอยู่จะทำเรื่องต่อไปก็ได้ ไม่ทำต่อไปก็ได้ บริษัทก็จ่ายเงินทุกเดือนให้'' เสี่ยเจียงกล่าว
ผู้สื่อข่าวยังจี้ถามย้ำจาอีกครั้งว่าจะอยู่สหมงคลฟิล์มฯ ต่อไปหรือไม่ จากลับเงียบไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น มีแต่ทนายความส่วนตัวกล่าวขึ้นมาว่า
''จบเรื่องนี้จะมาพูดกันอีกรอบนึงครับ''
ต่อข้อซัถามว่า การที่เดินทางมาพูดคุยกันต่อหน้า พล.ต.อ.จงรัก ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะไม่มีการไปคุยกันแบบ 2 พ่อลูกแล้วใช่หรือไม่ ด้าน ''เสี่ยเจียง'' กล่าวว่า
''ใช่ เพื่อให้เขาสบายใจในความปลอดภัย อย่างน้อยตำตรวจไทยเชื่อถือได้''
ต่อข้อซักถามว่าวันนี้บอกอะไรกับจาบ้าง ''เสี่ยเจียง'' กล่าวว่า
''ก็บอกให้เขาไปทำหนังเถอะดีๆ เหลืออีกนิดเดียวทำให้จบ ที่ผ่านมาคงเป็นความเข้าใจผิดกันเพราะทางเรายืนยันว่าไม่ได้คิดจะไปทำอะไรเพราะสร้างหนังกันมาตั้ง 3 เรื่องก็ถ้าฝ่ายนี้อาจจะไม่สบายใจหรืออาจจะมีมือที่ 3 ยังไงก็แล้วแต่ แต่ขณะนี้ตกลงกันได้แล้วก็จะให้งานมันเดินหน้าต่อไป'' เสี่ยเจียงกล่าว
ผู้สื่อรายงานว่า เมื่อจบการสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแล้ว ทางเสี่ยเจียง และจา ลุกขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณ พล.ต.อ.จงรัก ที่เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหาจนจบลงด้วยดี จากนั้น ''เสี่ยเจียง'' และ ''จา'' ได้จับมือกันต่อหน้า พล.ต.อ.จงรัก และสื่อมวลชน จากนั้นเสี่ยเจียง และจาก็เดินไปเข้าลิฟต์ลงจากชั้น 3 พร้อมกัน และแยกย้ายกันกลับออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเสี่ยเจียงได้เดินทางไปแถลงข่าวต่อที่เฮาส์ อาร์ซีเอ ตามที่กำหนดไว้

นก-อุษณีย์ วัฒฐานะ ถ่ายหวิว เปล่าประชดใครลั่นเป็นโสดสุขใจกว่ามีแฟนเยอะ

หลังจากประกาศตัวเป็นโสด ก็ดูเหมือนว่านางเอกสาวหน้าหวานอย่าง นก - อุษณีย์ วัฒฐานะ จะลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง กลายเป็นสาวเซ็กซี่คนใหม่แห่งวงการ จนเกิดเป็นกระแสข่าวว่า เหตุที่สาว นก ลุกขึ้นมาอวดอึ๋มโชว์ความเซ็กซี่นั้น เป็นเพราะต้องการประชดรัก ซึ่งในเรื่องนี้เธอเปิดใจกับเราว่า

จริงๆ แล้วการรับงานถ่ายแฟชั่น นกถือว่าเป็นการทำงานอย่างหนึ่งนะค่ะ เราก็จะต้องมีการตกลงคอนเสปต์กันก่อน ดูชุดที่ถ่ายทำก่อนถึงจะรับงาน อย่าง ล่าสุดที่ถ่ายกับหนังสือ Mix Magazine ก็จะมีผู้ใหญ่ช่วยรับงานให้ด้วย และเขาก็ติดต่อนกมาค่อนข้างนานแล้ว ภาพที่ออกมานกกว่ามันสวยดีนะค่ะ ก็ดูเซ็กซี่แปลกตาไปอีกแบบ ดังนั้นข่าวที่ว่านกถ่ายเซ็กซี่เพราะเป็นการประชดรักนั้น ไม่ใช่แน่นอนค่ะ เราก็แค่คนทำงานคนหนึ่งและคงไม่ต้องมานั่งประชดใคร

แต่จะเป็นคนที่ชอบพูดประชดมากกว่า ( หัวเราะ ) คือ นกจะไม่ใช่คนที่ทำร้ายตัวเอง จะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสียหาย อย่างลุกขึ้นมาถ่ายเซ็กซี่เพื่อประชดใคร นกว่ามันไม่จำเป็นนะ ส่วนเรื่องความรักตอนนี้ก็สบายใจขึ้นมากแล้วค่ะ สำหรับนกความรักยังเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ กับพี่วี ( วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ ) เราก็จบกันด้วยดี ไม่ได้โกรธหรือเกลียดกัน ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันได้ค่ะ ส่วนรักครั้งใหม่ยังไม่มีค่ะ อยู่ในระหว่างช่วงพักเบรก ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ตอนนี้ก็มีความสุขกับงานก่อนดีกว่า

Image Gallery Post